วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อาจารย์รัตน์


ที่อยู่จะเพิ่มเติมให้อีกครั้งนะคะ

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เกาะเกร็ด



วันนี้แวะไปหาพี่หนุ่ยที่บ้าน ตั้งใจจะไปขอฝากจอดรถไว้หน้าบ้านซักหน่อยเพราะว่าตู่เองจะพาลูกน้องที่บ้านไปเที่ยวเกาะเกร็ด พอดีว่าพี่หนุ่ยว่างอยู่เลยข้ามฝั่งไปเที่ยวด้วยกัน สนุกกันทั้งวันเลยหละวันนี้ ขอบอกขอบอก ก่อนกลับบ้านพี่หนุ่ยยังเอาตัวต่อเลโก้ฝากให้พี่บูมไปต่อที่บ้านถุงใหญ่เลยค่ะ งานนี้ขอขอบคุณมาณ ที่นี้ด้วยนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551


สวัสดีค่ะ ชาวNECศรีนนท์
ห่างหายไปนานเลยนะคะ ก็มัวแต่ยุ่งๆเรื่อง อภิปรายไม่ไว้วางใจทั่นนายกฯและรัฐมนโท เอ๊ย!รัฐมนตรีที่ในสภาฯอยู่นะค่ะเลยไม่ค่อยมา update ข้อมูลในบล็อค
วันนี้ลงคะแนนกันเรียบร้อยแล้ว สรุปว่า คุณหนูยังอยู่ ไม่เหลืออะไรให้ลุ้นเลย นั่งชม นั่งฟังมาหลายวัน ก็ได้ข้อมูลมาเยอะนะคะ แต่หลายๆเรื่องก็ได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว ฟังแล้วก็เอาไว้ประดับเป็นเกร็ดความรู้นะคะ ส่วย เอ๊ย!ส่วนไหนแก้ไขได้ก็ช่วยแก้ไขเถอะค่ะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่และชาติบ้านเมืองนะคะ
วันนี้มีโอกาสไปบ้านพี่หนุ่ย ก็เอารูปที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ช่วงที่เราอบรม NEC รูปที่ไปเที่ยวกันที่ลพบุรีและรูปที่ไปล่องเรือกันเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมแหละค่ะไปให้ นั่งคุยกันได้สักพัก ตู่ก็ขอตัวกลับเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของพี่หนุ่ยนานๆ ออกมาที่จอดรถปรากฎว่าคนขับรถของตู่แอบเดินไปไหว้พระที่วัดข้างบ้านพี่หนุ่ย ตู่เลยตามไปบ้างค่ะ พี่หนุ่ยก็เดินไปด้วยกัน แล้วเราก็เขาไปไหว้พระกัน เป็นพระปรางค์ไสยาสน์ (พระนอน)ในวัดร่มรื่น เย็นสบายดีจังค่ะ ตู่ก็เพิ่งรู้ค่ะว่าวัดนี้ชื่อวัดกลางเกร็ด ซึ่งเป็นวัดที่ตู่ตามหามาตั้งแต่เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๑ ตามหาทำมน่ะหรือ? ที่ตามหาก็เพราะว่าตู่ต้องการจะพาเด็กๆที่บ้านไปไหว้พระ ๙ วัด
ที่ทางเทศบาลนครปากเกร็ดเขาจัดงานเที่ยวเมืองนนท์ กินทุเรียนนนท์ ล่องเรือไหว้พระ ๙ วัด รอบเกาะเกร็ด อะไรทำนองเนี้ย เขาบอกว่าให้ขึ้นเรือที่ท่าน้ำวัดกลางเกร็ด แต่ตู่ไม่รู้ว่า วัดข้างบ้านพี่หนุ่ยชื่อวัดกลางเกร็ด ทั้งๆที่ไปมาแล้ว มันน่าเขกหัวให้ซักป๊อกมั้ยล่ะ
งานนั้นเลยอดไปไหว้พระ ๙ วัดเลย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกหน่อยเขาคงจัดอีกหละน่า คราวเนี่ยอ่ะนะรับรองตู่ไม่ยอมพลาดแน่ๆ
เดินคุยกันไปรอบๆวัด มีของที่ชาวบ้านแถวนั้นทำมาขาย มีตั้งแต่ไก่ย่าง ทอดมัน ข้าวโพดต้ม ถั่วลิสงต้ม กล้วยปิ้ง กล้วยทอด มันทอด ปลานิลทอด ปลานิลที่ยังไม่ทอดก็มี ขายกันสดๆ ขนาดตัวละ กิโลถึง ๒ กิโลกว่า คนขายบอกว่าใช้เบ็ดตกมาได้ ขายก็ราคาเหมือนในตลาดคือกิโลกรัมละ๔๐ บาท ตู่เลยซื้อมา ๒ ตัว ซื้อมาแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะเอาไปทำอะไร เพราะตู่เป็นคนไม่ชอบกลิ่นคาวๆของปลาเลยไม่ทานปลา แล้วปลาที่ซื้อมาก็มีขนาดใหญ่ด้วย เดินมาเรื่อยๆผ่านแม่ค้าขายกับข้าว แกงถุง มะขามคลุกพริกกับเกลือ ร้านผลไม้ มีมะละกอ สับปะรด ฝรั่ง และก็มีเมี่ยงคำด้วย อันขอบอกว่าเป็นของชอบที่ที่บ้านชอบซื้อมาทานกันบ่อยๆ ตั้งใจอยู่ว่าจะซื้อกลับบ้าน ๑ ชุด ก็พอดีพี่หนุ่ยซื้อมาฝากก็เลยไม่ต้องซื้อเอง เดินเลาะชายน้ำมาเรื่อยๆ ก็ถึงบ้านพี่หนุ่ย ตลอดทางที่เดินมานั้น ลมเย็นสบายดีจริงๆเลยตั้งใจว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้หลังจากเด็กๆเรียนรำเสร็จแล้วจะพาเด็กๆข้ามฝั่งไปที่เกาะเกร็ด ไปสูดอากาศที่บนเกาะซะหน่อย
ออกจากบ้านพี่หนุ่ยขับรถมาผ่านร้านขายกระถ่าง อ่างบัว ก็เลยแวะไปซื้อกระถ่างมา๕ ใบ อ่างบัวอีก ๔ ใบ (พรุ่งนี้ค่อยไปดูต้นไม้แถวๆบางใหญ่)และก็ขับรถข้ามแม่น้ำที่สะพานพระราม๔ ไปวัดที่มีหลวงพ่อศิลาแลง ชื่อวัดอะไรจำไม่ได้แล้ว ขากลับก็ได้เข้าไปไหว้พระที่วัดสะพานสูงอีกวัดหนึ่ง สรุปแล้ววันนี้ได้ไปไหว้พระมา ๓ วัดจากนั้นก็กลับบ้านถึงบ้านเกือบเที่ยง เฮ้อ! หิวพอดี ขอพักทานข้าวก่อนนะแล้วค่อยเจอกันใหม่

คิดถึงทุกคน
ตู่เอง

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ภาษาลาวที่ควรทราบ

ฮ้าย : ดุ
ม่วนซื่น : สนุกสนาน
ฮับต้อน : ต้อนรับ
ยาม : เยี่ยมเยือน
เฮ็ดเวียก : ทำงาน
ลัก : ขโมย
พัวพัน : ติดต่อ
ฮักแฮง :รักมาก
ซุกยู้ : สนับสนุน, ส่งเสริม
นายภาษา : ล่าม
ผู้ต่างหน้า : ตัวแทน, ผู้แทน
ห้องการ : สำนักงาน
ไปนอก : ไปห้องน้ำ
น้ำของ : แม่น้ำโขง
ขัว : สะพาน, ขวา
อ่างดาวเทียม : จานดาวเทียม
ป่องเยี่ยม : หน้าต่าง
แว่นแยง : กระจกส่องหน้า
ตะเว็น : พระอาทิตย์
ทิ่ม : ทิ้ง, ทำให้ตก (สิ่งของ.ขยะ)
ขี้เหยื่อ : ขยะ
โฮงแฮม : โรงแรม
พะยาด : โรคภับไข้เจ็บ
นายแพด : บุรุษพยาบาล
นางแพด : นางพยาบาล
โฮงหมอ : โรงพยาบาล
ท่านหมอ : นายแพทย์.แพทย์หญิง
ห้องการป้องกันความสงบ : สถานีตำรวจ
ทะนาคาน : ธนาคาร
จั๋งได๋ : อย่างไร
เกิบ : รองเท้า
ลองเท้า : ถุงเท้า
ตั่ง : เก้าอี้
โมง : นาฬิกา
ฮ้านแปงโมง : ร้านซ่อมนาฬิกา
ฮ้านจอดยาง : ร้านปะยาง
สบู่ฝุ่น : ผงซักฟอก
แพ้ : ชนะ
เสียให้ : แพ้
แอบกาย : ออกกำลังกาย
หลวง : ใหญ่โต
กะปอมหลวง : ไดโนเสาร์
จำปาหลวง (เซียงเมี่ยง) : ดอกลั่นทม
เจ้ามหาชีวิต : ในหลวง
หมั้นยืน : ยืนยาว
เฮือนพัก : บ้านพัก, เกสต์เฮาส์
เคื่อง : สินค้า

สินค้า : ขายสินค้า
ขายเคื่อง : ผ้า
แผ่นแพ,ผ้าแพ : เสื้อผ้าสำเร็จรูป
โส้ง : กางเกง
ซิ่น : ผ้านุ่ง
ขายโต, ขายของ : ค้าประเวณี
ถุงยาง : ถุงพลาสติก
เสื้อกันฝนตัวน้อย : ถุงยางอนามัย
เซินซาบ : โปรดทราบ
ตื่นตาม : ตื่นตูม
บ่อนท่องเที่ยว : สถานที่ท่องเที่ยว
ย่าง : เดิน
ถ้ำติ่ง.ถ้ำหินติ่ง : ถ้ำหินงอกหินย้อย
วันสังขานล่อง : วันสงกรานต์
วันสังขานขึ้น : วันปีใหม่
ใบยั่งยืน : ใบประกาศเกียรติคุณ
ใบประหยัด : ระวัง
เสีย : หาย
มอดไฟ : ดับไฟ
ไฟอำนาจ : ไฟแดง
ไฟเกียม : ไฟเหลือง
ไฟเสรี : ไฟเขียว
กะเกียม : ตระเตรียม
บ่ค่อยมัก : ไม่ค่อยชอบ
ต่ำหูก,ตำแผ่น : ทอผ้า
ปาฝา : ตะพาบน้ำ
ทั้งพวง : ทั้งระบบ
ปูยาง : ราดยาง
บ่อนนั่ง : ที่นั่ง
ห้ามสูบยา : ห้ามสูบบุหรี่
ตาด : น้ำตก
ทุ่งเพียง : ที่ราบ
พูเพียง : ที่สูง
พูดอย : ภูเขา
by http://www.oceansmile.com/Lao/Pasalao.htm

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551

BEAUTIFUL ART ON NAILS.

สถาบันสอบเพ้นท์เล็บและต่อเล็บ ACRYLIC & GEL ดำเนินการสอนโดย คุณสุรพล วัฒนศรี (ครูหมู) เน้นฝึกอาชีพจบแล้วสามารถ ปฎิบัติได้จริง สอนตัวต่อตัว จนเป็นไม่กำหนดเวลาเรียน ด้วยบรรยากาศ เป็นกันเอง และราคาย่อมเยา

รับสอนทั้งในและนอกสถานที่
พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ปลีก-ส่ง

Study course
หลักสูตรเพ้นท์เล็บ ( Nail Art ) 990 บาท
• พร้อมอุปกรณื 1 ชุด
• ไม่กำหนดเวลาเรียน สอนจนเป็น
• ฟรี สอนต่อเล็บ PVC,การเพ้นท์ลายน้ำ,การติดต่างหูเล็บและการติดเพชร พลอย
หลักสูตรต่อเล็บอะคริลิก ( Adrylic Nail ) 3,900 บาท
• พร้อมอุปกรณ์ 17 รายการ
• สอนงานปั้นนูน /3D
• ระยะเวลา 3-4 วัน
หลักสูตรต่อเล็บเจล ( Gel Nail ) 2,900 บาท
• พร้อมอุปการณ์ 13 รายการ (ไม่รวมเครื่องอบ UV)
• ระยะเวลา 1-2 วัน
หลักสูตรเพิ่มเติมพิเศษ 500 บาท
- ระยะเวลา 1 วัน (อุปกรณ์ต่างหาก)
หลักสูตรเรียนเพ้นท์เล็บนอกสถานที่ (ระยะเวลา 3 วัน)
พร้อมอุปกรณ์ 1 ชุดใหญ่ ท่านละ 2,900 บาท
กลุ่มใหญ่ 10 ท่าน ท่านละ 2,100 บาท

ที่ website นี้ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประชาสัมพันธ์จากพี่หมู


สวัสดีค่ะ ชาวศรีนนท์

วันนี้มีข่าวมาบอกอีกแล้วค่ะ
ข่าวจาก อ.หมูสอน paint เล็บ ตอนนี้ได้จัดทำ website เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ สนใจเรื่องหลักสูตร paint เล็บเชิญได้ที่ เว็บนี้เลยค่ะ http://nailart-school.com/ และยังเป็นช่องทางติดต่อสำหรับพวกเราได้อีกช่องทางหนึ่ง ใครมีอะไรฝากโพสท์เอาไว้ได้เลยจ้ะ ขอบอก ตู่เข้าไปดูมาแล้ว

วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

สองฝั่งเจ้าพระยาสวยมากๆ




สวัสดีค่ะชาว NEC ศรีนนท์

วันนี้ขอเอาบรรยากาศล่องเรือ ริเวอร์ไซด์ Riverside Cruise ล่องเรือดินเนอร์ แม่น้ำเจ้าพระยา มาฝากสำหรับคนที่ไม่ได้ไปชื่นชมความสำราญ และความงามของกรุงเทพฯยามราตรีกันนะคะ ขอบอกว่าสนุกมากๆเลยค่ะ

ตู่เริ่มเดินทางจากนนทบุรีโดยนัดพบกับพี่พร(ทรงพร จารุสมบัติ พี่สาวคนดีของตู่)ที่ท่าน้ำนนท์ เวลา16.00 น. ตู่ก็ไปถึงตามเวลาเลยค่ะ 16.45 น. หุหุ คือว่าเวลามันเดินล่วงหน้าไปแล้ว 45 นาทีแล้วตู่ก็ตามเวลามาไง( ที่มาช้านี่มีเหตุผลอธิบายได้นะคะอยากรู้ถามพี่พรได้ค่ะ บอกกับพี่พรไปแล้ว) เมื่อถึงที่นัดพบก็มองหาพี่สาวไม่เจอในใจยังแอบนึกว่าพี่คงไปรอท่าเรือซังฮี้แล้ว ยืนงงอยู่สักพักก็มีคนเดินเข้ามาหา ถามว่ามาแล้วเหรอ? พี่พรนั่นเอง..พี่เขาไม่เห็นมาซะทีเลยกลับไปโทรศัพท์สั่งคนที่บ้านว่าถ้าตู่โทรไปให้บอกว่า มารอที่ท่าน้ำ....นานแล้ว.
เมื่อพร้อมกันแล้ว ก็ลงเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าน้ำนนท์ไปที่ท่าเรือสะพานซังฮี้ ค่าโดยสารท่านละ 15 บาท งานนี้พี่สาวออกให้ ตู่เลยนั่งฟรี นั่งคุยกันแป็บเดียวเรือก็ถึงท่าสะพานซังฮี้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ขึ้นจากเรือเราก็เดินมาหาวินมอเตอร์ไซด์นั่งไปที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ ค่ารถก็ 5-7 บาท จริงๆแล้วจากท่าเรือกับโรงแรมก็ไม่ไกลเท่าไหร่ ประมาณ 200 เมตรเดินออกกำลังก็พอไหว เหงื่อยังไม่ทันออกด้วยซ้ำ แต่วันนี้ขอออมกำลังไว้ก่อนเลยขอนั่งมอไซด์ดีกว่า
ถึงโรงแรมริเวอร์ไซด์ก็พบเจ้จ๋า สาวไฮโซ ไฮซ้อเจ้าของงานกำลังก้มๆเงยผลุบๆโผล่ๆอยู่ข้างรถ คันเก่งของพี่แก กำลังเตรียมสัมภาระและเสบียงอาหาจะเอาลงเรือด้วย ก็เลยช่วยกันหอบหิ้วเข้าไปในโรงแรม
ด้านในโรงแรม มีมารอกันอยู่หลายท่านหน้าเดิมๆทั้งนั้น ตั้งแต่ ท่านผู้หญิงหนุ่ย พี่ติ๋มเหรัญญิกคนสวย น้องเปิ้ลเลขาที่แสนจะน่ารัก และก็น้องอึ่ง เอ้ย!น้องฐาคนงาม นั่งอยู่ที่ lobby คุยกันอยู่ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงที่ไม่เจอกันแล้วก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จน 18.30 น.เราก็เริ่มย้ายไปลงเรือนับสมาชิกได้ 12 ท่าน มี พี่เข็ม พี่หนุ่ย พี่ติ๋ม พี่พร พี่กร พี่โจ๊ก น้องป่าน น้องเปิ้ล น้องหวาน น้องฐา พี่จ๋า และก็ตู่ นอกนี้ยังมี พี่โต้งแฟนพี่จ๋าและหลานๆมาร่วมโต๊ะอีก 7 ท่าน รวมแล้ว 19 ท่าน กว่าจะจัดโต๊ะให้ลงตัวได้ทำเอาบริกรหน้างอเป็นจวักไปเลย
หลังจากสั่งอาหาร เราคิดค่าอาหารแล้วรีบแชร์กันออก งานนี้จ่ายค่าเรือให้เจ้จ๋าเจ้าของ member คนละ 100 บาท ค่าอาหารอีกคนละ 300 บาท รวม 400 บาท ก็ถือว่าคุ้มนะคะ อาหารเริ่มเสริฟ หลายท่านก็เริ่มทานกินไป คุยกันไป บางคนได้ครึ่งจาน บางคนหมดจาน บางคนขอเพิ่ม บางคนขอเบิ้ล บางคนสามจาน บางคนสี่จาน บางคนจะขอห่อกลับบ้าน บางคนขอน้ำ ขอทิชชู ขอน้ำแกงเพิ่ม ขอไวน์ ขออัลกอฮอร์เติมไฟ ขอผ้าเช็ดน้ำที่หกเปียก ขอกุ้ง ขอเมี่ยงคำ ขอผลไม้ ขอไปเข้าห้องน้ำ ขอ..ขอ..ขอ.. และก็ ขอ
งานนี้บริกรบอกว่าต้องบริการแบบ "ขอไปที"จนเราต้องร้องขอบริกรเป็นครั้งสุดท้ายว่า "ขอให้ยิ้มๆหน่อย!"
จัดการกับอาหารเรียบร้อยแล้วเรือก็เริ่มออกจากท่า ตอนนั้นเวลาประมาณ 20.10 น.พวกเราก็เฮละโลกันขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือสายลมที่พัดมา โรสจำได้ว่าแรงพอๆกับที่โรสยืนอยู่ที่หัวเรือกับเจ็คคืนนั้นบนเรือไททา.. หุหุ.. ไปดูวิวสองฝั่งเจ้าพระยายามค่ำ บ้านริมน้ำ โรงแรม ตึก อาคารที่ทำการสูงตระหง่านระฟ้า วัดวาอาราม สะพานข้ามแม่น้ำที่เรือลอดผ่าน รถยนต์ที่วิ่งข้ามหัวไปมา เรือสำราญที่แล่นสวนไปสวนมา เรือขนถ่ายสินค้าที่จอดชายฝั่ง ผู้คนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ กรุงเทพฯยามราตรียังไม่หลับ ยังสับสน วุ่นวาย เหมือนกับในเรือลำนี้ ด้านล่างหน้าเวที นักร้องสาว-หนุ่มกำลังร้องเพลงในจังหวะ โจ๊ะ จ๊ะ นักดิ้นก็ออกมาวาดลวดลายกันหน้าเวที พวกเรากลับลงมาข้างล่างเมื่อเรือเริ่มหันหัวเรือกลับ เข้ามาในเรือได้ยินเสียงเพลงอวยพรวันเกิดให้สำหรับคนที่เกิดในวันนี้ 31 พ.ค.เราก็เลยเข้าไปแจมกับเขา แล้วก็รับเค้กก้อนใหญ่มานั่งทานกัน เสริมสร้างไขมันสะสมไว้เยอะๆ อายุมากแล้วต้องดูดีมีราศรีไว้ก่อน..555
จากนั้นเราก็เข้าครอส สลายไขมัน พี่ติ๋มมาชวนตู่ไปหน้าเวที ตู่ก็เลยพาพี่ติ๋มรีดไขมัน ด้วยการออกไป แฮร์โทนิค เอ้ย! แอโรบิคแดนซ์ ซะครึ่งชั่วโมง ได้เหงื่อแล้วก็กลับมานั่งพัก อ้าว!เลิกงานพอดี
พี่ติ๋มแจกใบประกาศให้แต่ละคนที่มาร่วมงาน พี่จ๋าก็ไม่ยอมน้อยหน้า หอบนาฬิกาตั้งโต๊ะมาแจกบ้าง ตู่ก็รับทั้งหมดไม่ปฏิเสธใครซักคน.. เดินขึ้นจากเรือ บริกรมายืนยิ้มอยู่ที่ประตูเป็นแถว กล่าวคำขอบคุณคราวนี้ยิ้มจนปากกว้างถึงใบหู ผิดกับตอนที่กำลังทำหน้าที่คงจะดีใจอไรบ้างอย่าง..
ด่านสุดท้าย รูปภาพแห่งความประทับใจ มีภาพของเราๆท่านๆขณะที่อยู่บนเรือติดอยู่บนจานที่ระลึก 20 ปี ของโรงแรมริเวอร์ไซด์ ขายราคา 199 บาท มีโปรโมชั่นบัตรขึ้นเรือ 1 ท่าน ราคา 120 บาท หมดอายุ 31 ส.ค.31 ให้ฟรี 1 ใบ หลายๆคนก็ซื้อเก็บไว้ที่ลึกๆ!!!
ขากลับ ตู่กลับรถน้องป่าน (พี่ชายของหยั่นหว่อหยุ่น) ผู้โดยสารที่เป็นเพื่อนร่วมทางก็มี พี่หนุ่ย พี่พร ฐาและป่าน ป่านส่งพี่ตู่ เป็นคนแรก แล้วก็พี่พรที่ รพ.พระนั่งเกล้า ฐาถนนสนามบินน้ำ และพี่หนุ่ยเป็นคนสุดท้ายที่ ปากเกร็ด

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ล่องเรือเจ้าพระยา


ด่วนมากจ้ะ รายการนี้แจ้งมาด่วนๆเลยค่ะ
เจ้จ๋าสาวน้อยที่ go-Inter ทำธุรกิจส่งออกหลายชนิด
she จะพาพวกเราขึ้นเรือสำราญ ทานข้าว เคล้าเสียงเพลง
ชมวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หาภาพประทับใจอีกแบบ
เราจะขึ้นเรือ วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2551 เวลา17.30 น. รับจำนวนจำกัดนะคะ
20 ท่านเท่านั้น ค่าใช้จ่ายถามพี่จ๋าอีกครั้งนะคะ

รับใบประกาศนียบัตร


สวัสดีค่ะชาว NEC ศรีนนท์

พบกันอีกแล้วนะจ๊ะ เบื่อหรือยัง?
ถ้าเบื่อแล้วก็ไม่ต้องอ่าน...ถ้ายังก็อ่านต่อนะ
มีข่าวแจ้งให้ทราบอีกเรื่องนึง นะคะ
ตอนนี้ใบประกาศนียบัตรรุ่นเราทั้งหมด คุณพี่ติ๋มได้รับจากสมาคม ACDA มาแล้ว
จะแจกให้วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2551 ที่ ร้านอาหารระเบียงน้ำ
(ข้างวัดแคนอก ถนนสนามบินน้ำ นนทบุรีร้านที่สมาชิกบ้างท่านเคยไปลิ้มรสอาหารมาแล้วการันตีได้)
เวลาเย็นๆแดดร่มลมตกแล้วนั่นแหละ ทานข้าวไป รับใบประกาศไปด้วย คุยกันไปอร่อยดีค่ะ
ขอให้ไปพร้อมกันให้ได้นะคะ หลายๆท่านบอกว่า เริ่มจะลืมหน้าเพื่อนสมาชิกไปบ้างแล้ว..
และถ้าผู้ใดไม่สะดวกไป ต้องการรับเป็นการส่วนตัวก็ติดต่อคุณพี่ติ๋มอีกที่นะคะ

แจ้งให้ทราบเท่านี้ค่ะ หวังว่าทุกท่านคงมารับใบประกาศพร้อมกันนะคะ

ธุรกิจเจริญรุ่งเรื่องนะคะ

'tou

ประกาศนียบัตรออกแล้ว


สวัสดีจ้ะ สมาชิก NEC ศรีนนท์

สบายดีกันอยู่หรือเปล่า? ว่างเว้นการได้พูดคุยกันซะนานหลายวัน หวังว่าคงจะสบายดีอยู่นะ
เมื่อวันอังคารที่ 27 พฤษภาคม 2551 'tou ได้คุยกับคุณหนิง เจ้าหน้าที่ของ ACDA
คุณหนิงแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้ใบประกาศนียบัตรของรุ่นเรานั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถแจกให้สมาชิกได้แล้ว
โดยคุณหนิงจะนำเอกสารทั้งหมดมอบไว้ที่ประธานรุ่น (คุณโจ้ ปธานิณ)แล้วให้สมาชิกติดต่อรับได้ที่ประธานรุ่นนะจ๊ะ

วันนี้คงได้แค่นี้ แล้วพบกันใหม่

คิดถึงทุกๆคนเลย

'tou

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ป่าน้ำฟ้า รีสอร์ท




ป่า น้ำ ฟ้า รีสอร์ท เป็นการทำสวนเกษตรแบบผสมผสาน น้าขวัญเป็นเจ้าบ้านที่น่ารักมาก พาพวกเราเข้าไปเดินชมในสวน (เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่) มีต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับมีตั้งแต่ พริก มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ (ฟัก แฟง แตงโม ไชโย โห่ฮิ้ว!!)ฝรั่ง กล้วย หน่อไม้ ไผ่หลายพันธุ์มาก ชะอม ลีลาวดี พุทธรักษา ต้นรัก ยูคาลิปตัส ในคูน้ำก็มีบัวกินสาย บัวกินฝัก ยังมีอื่นๆอีกมากมาย บรรยายไม่หมด
เมื่อเข้าไปแล้วผู้เขียนก็ได้แต่นึกถึงสมัยตอนที่ยังตัวเล็กๆ อยู่ที่อยุธยา บ้านของคุณตาคุณยายก็มีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากบ้านของน้าขวัญเท่าไร เลยทำให้คิดว่าถ้ามีโอกาสได้มีที่ดินซักแปลงเล็กๆคงจะได้เป็นน้าขวัญ2บ้างหละ เพราะเป็นอะไรที่ดูเรียบง่าย สบายๆ ไม่วุ่นวายเหมือนสังคมเมืองในปัจจุบัน

วิวยอดเขาพระยาเดินธง



วิวยอดเขาพระยาเดินธง
เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ด้านล่างเป็นภาพที่สวยงามมาก ยิ่งถ้าได้เห็นแสงของพระอาทิตย์ที่กระทบกับผืนน้ำช่วงพระอาทิตย์ขึ้นด้วยแล้วประทับใจมากๆ อากาศก็เย็นสบายสดชื่นจริงๆ

เขาพระยาเดินธง



ทางขึ้นเขาพญาเดินธง
เป็นทางโขดหิน และหินดินดานที่ขรุขระมาก ถนนหนทางขับขึ้นบนเป็นทาง country road ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ก่อนที่เราจะขึ้นมากันนี้ ฝนก็ตกทำให้ทางยังเปียกๆอยู่ ตอนกลางคืนยังคิดในใจว่าถ้ารุ่งเช้าฝนไม่หยุดตก คงอดขึ้นมาไหว้พระและชมวิวยอดเขากันแน่ๆ โชคดีที่ฝนหยุดตกแต่ก็ยังเสียดายที่ตั้งใจมาทำบุญกันที่สำนักสงฆ์บนยอดเขาแต่หลวงพ่อไม่อยู่ ได้ยินผู้ที่ติดต่อนิมนต์หลวงพ่อบอกว่านิมนต์ไว้แล้วแต่หลวงพ่อก็ไม่อยู่ เลยฝากของไว้กับลูกศิษย์ให้ถวายหลวงพ่อให้ด้วย บนเขา อากาศเย็นสบาย ลมพัดแรง สดชื้น สดชื่น เป็นสถานที่ที่น่าไปพักผ่อนมากๆ วิวบนเขามองลงมาเห็นเขื่อน ป่าสักชลสิทธิ์ และรอบๆเขาด้วย

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์


..มองไกลๆที่ปากทางเข้าสันเขื่อนเห็น "หลวงพ่อใหญ่" องค์ขาวสง่างดงามตั้งเด่นอยู่

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ภาพแห่งความประทับใจ

ไปมาแล้วววว



ฟาร์มเลี้ยงผึ้งของคุณลุงสอาด มีผลิตพันธุ์จากผึ้งจำหน่ายหลายชนิดด้วยกัน ทั้งน้ำผึ้งแท้ นมผึ้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้ง พร้อมทั้งบริการข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ในประเทศไทย งานนี้นักช็อพหลายๆคนแบกของกลับบ้านกันคนละลัง สองลังประทับใจกันทั่วหน้า

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

วัดพระพุทธบาท


วัดพระพุทธบาท นามทางราชการว่า วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดพิเศษ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๖๗ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น นับถึงปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๔๖) วัดพระพุทธบาทฯ มีอายุ ๓๗๙ ปี เนื่องมาจากที่พระองค์ได้ทอดพระเนตรรอยพระพุทธบาทประดิษฐาน ณ ที่นั้นมีพระราชศรัทธาเลื่อมใส โปรดเกล้าฯ ให้ช่างก่อเรือนคฤหหลังน้อยครอบรอยพระพุทธบาทไว้ เป็นการชั่วคราวก่อน หลังจากได้เสด็จกลับราชธานีกรุงศรีอยุธยา ได้เริ่มงานสถาปนายกสถานที่รอยพระพุทธบาทขึ้นเป็นพระมหาเจดีย์สถานและโปรดให้สร้างพระมหามณฑปครอบรอยพระพุทธบาท พร้อมกับโปรดให้ เจ้าพนักงานสร้างพระอารามสำหรับพระภิกษุ สามเณรอยู่อาศัยประจำ เพื่อการดูแลรักษาและบำเพ็ญสมณธรรมสืบไป
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร มีทางเลี้ยวซ้ายก่อนถึงอำเภอพระพุทธบาทเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ปูชนียสถานที่สำคัญคือ "รอยพระพุทธบาท" ที่ประทับไว้บนแผ่นหินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี รอยพระบาทมีความ กว้าง 21 นิ้ว ยาว 5 ฟุต ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม
พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระบาทไว้ ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลายสมัย ลักษณะของพระมณฑป เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบ ฝาผนังด้านนอกปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพพนม มีพุ่มข้าวบิณฑ์ บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรมประดับมุกชั้นเยี่ยมของเมืองไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสาย ซึ่งหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจากสวรรค์ หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร บริเวณรอบมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีเป็นการแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย พระอุโบสถ และพระวิหารต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์
นอกจากนี้ ในบริเวณวัดยังมี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท (วิหารหลวง) ซึ่งเป็นที่เก็บรวบรวมศิลปวัตถุอันมีค่ายิ่ง อาทิ เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธโบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่า พัดยศของพระสมัยต่าง ๆ และท่อประปาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งปกติจัดให้มีปีละ 2 ครั้ง คือตั้งแต่ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และตั้งแต่ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ
http://watphraphutthabat.com/home/index.php?option=com_content&task=view&id=59&Itemid=50

http://watphraphutthabat.com/home/index.php?option=com_content&task=view&id=59&Itemid=50&limit=1&limitstart=1

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2551

เขาพระยาเดินธง




สำรวจเส้นทางก่อนเดินทาง

สวนเกษตร โอเอซิส ฟาร์ม,ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง

สวนเกษตร โอเอซิส ฟาร์ม

สวนเกษตร โอเอซิส ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ 85/2 หมู่ 13 ตำบลช่องสาริกา อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี 15220 เป็นฟาร์มท่องเที่ยวเชิงเกษตร
มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 50 ไร่ ประกอบด้วย นกกระจอกเทศ สวนผีเสื้อ ไก่พื้นบ้าน แปลงทุ่งทานตะวัน ปลูกสลับกันตลอดทั้งปี สวนมะละกอ บ่อเลี้ยงปลา
นอกจากนั้นมีการจำหน่ายลูกนกกระจอกเทศนำเข้าจากอาฟริกาใต้ และสุนัขพันธุ์ โดยเก็บค่าเข้าชมท่านละ 10 บาท

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่โอเอซิส ฟาร์ม จะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่สวยงามของฟาร์ม ชมการเลี้ยงนกกระจอกเทศ ให้อาหารนกกระจอกเทศ ขับรถชมแปลงทุ่งทานตะวัน ฝึกขับรถแทรกเตอร์เล็กชมทุ่งทานตะวัน

ติดต่อ คุณสมชาติ สิงหะพล โทร 01-7808928, 01-9941256



ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้ง
ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง ซอย 24 สายตรี ม.9 ตำบลพัฒนานิคม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี 15140 เป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ในประเทศไทย เป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากผึ้ง เช่น น้ำผึ้งแท้จากดอกทานตะวัน , น้ำผึ้งนานาพันธุ์ , น้ำผึ้งรวงธรรมชาติ , แยมน้ำผึ้งดอกทานตะวัน , นมผึ้ง , เกสรผึ้งสด , เกสรผึ้งแห้ง , เทียนไขผึ้ง , ขี้ผึ้งแท้ และกาวผึ้ง

น้ำผึ้ง เป็นของเหลวมีกลิ่นหอม รสหวานแหลม ลักษณะเข้มข้นเหนียวหนืด ผึ้งไปเก็บรวบรวมจากน้ำหวานดอกไม้ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นไม้
ทุกขั้นตอนได้ผ่านขบวนการผลิตของผึ้งงาน เพื่อเก็บสะสมไว้เป็นอาหารของประชากรในรัง รสชาติและสีของน้ำผึ้งมีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้และเกลือแร่น้ำผึ้งที่ได้จากดอกไม้บางชนิด เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง น้ำตาลกลูโคสอาจจะรวมตัวตกผลึกได้สารแขวนลอยในน้ำผึ้งส่วนใหญ่จะเป็นละอองเกสรดอกไม้ ผู้เลี้ยงผึ้งจะเก็บน้ำผึ้งในลักษณะที่หลอดรวงผึ้งปิดในเกณฑ์มาตรฐานสามในสี่ส่วนของรวงน้ำผึ้งโดยนำมาใช้แรงเหวี่ยงในถังสลัดให้น้ำผึ้งกระเด็นออกมาแล้วนำไปกรองและหมัก ให้สิ่งเจือปนลอยขึ้นข้างบน น้ำผึ้งที่ได้จากใต้พื้นผิวจึงสะอาดบริสุทธิ์ และนับเป็นอาหารที่มีคุณค่า

นมผึ้ง หรือวุ้นนางพญา เป็นผลิตภัณฑ์จากรังผึ้ง ที่มีความประหลาดแฝงด้วยความเร้นลับ ผลิตโดยผึ้งพยาบาลที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูตัวอ่อน และป้อนอาหารให้แก่ผึ้งนางพญา ผึ้งตัวอ่อนที่เจริญวัยเป็นผึ้งงาน จะได้รับอาหารพิเศษนี้อยู่ไม่เกิน 3 วัน แต่ผึ้งตัวอ่อนที่ถูกคัดเลือกให้เป็นผึ้งนางพญา และจะได้รับอาหารพิเศษนี้ต่อไปจนตลอดชีวิตจึงทำให้ผึ้งนางพญามีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วตลอดการพัฒนาทางสัณฐานวิทยาและสรีระแตกต่างจากผึ้งงานความสามารถในการวางไข่ได้ถึงวันละประมาณ 2,000 ฟอง และการมีอายุยืนยาวกว่าผึ้งงานหลายสิบเท่าก็เนื่องจากผึ้งนางพญาได้รับอาหารพิเศษ นี้อยู่เป็นประจำ นมผึ้งเป็นของเหลวข้นสีขาวครีมมีรสเปรี้ยว มัน เฝื่อนผึ้งงาน 60,000 ตัวต่อรังจะผลิตได้เพียงวันละ 105-3.3 กรัม
เท่านั้นจึงนับเป็นสิ่งยากผู้เลี้ยงผึ้งจะสร้างสถานการณ์ให้ผึ้งผลิตอาหารนี้แล้วตัดเก็บแช่แข็งไว้ไม่ให้เสื่อมคุณภาพ นมผึ้งนี้มีผู้นิยมรับประทานเป็นยาอายุวัฒนะและเสริมสร้างสมรรถนะในส่วนต่างๆของร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์

การใช้ประโยชน์จากน้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง จัดเป็นผลิตภัณฑ์จากผึ้งที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย จัดเป็นอาหารอันทรงคุณค่า เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย น้ำผึ้งที่ดีจะมีลักษณะเป็นของเหลว มีความข้นหนืดพอสมควร มีความชื้นประมาณ 17.2 % องค์ประกอบหลักที่พบมากที่สุด คือ น้ำตาลมีประมาณ 80% น้ำตาลที่พบมากในน้ำผึ้ง คือ
น้ำตาลฟลุดโตส 38% กลูโคส 31% และยังพบน้ำตาลชนิดอื่น ๆ อีกเล็กน้อย เช่น น้ำตาลซูโครส น้ำตาลมอลโตส นอกจากจะพบน้ำตาลเป็นองค์ประกอบหลักแล้ว องค์ประกอบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย เช่น กรดอินทรีย์ เอนไซม์ และเกลือแร่ ซึ่งพบในปริมาณเล็กน้อยเช่นกัน

คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งที่นำมาใช้มีหลายประการ เช่น ทำเป็นเครื่องดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว ใช้เป็นอาหารเลี้ยงเด็กอ่อน ใช้รักษาโรคบางชนิด
เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคริดสีดวงทวาร ใช้รักษาแผลติดเชื้อ นอกจากคุณประโยชน์ที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ยังใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ นอกจากนี้ยังมีการนำน้ำผึ้งมาใช้ในการทำให้น้ำผลไม้บางชนิดใสได้ ซึ่งในต่างประเทศ ได้มีการทดลองโดยการนำน้ำผึ้งมาทดลองใส่น้ำผลไม้บางชนิด ที่ขุ่นพบว่าจะทำให้น้ำผลไม้นั้นใสได้ ซึ่งพบว่าองค์ประกอบหลักที่มีคุณสมบัติในการทำน้ำผลไม้ให้ใสได้คือ โปรตีนจากน้ำผึ้ง แม้ว่าในน้ำผึ้งจะมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบในปริมาณน้อย คือ 0.2% แต่มีความสามารถในการรวมตัวกับอนุภาคที่แขวนลอยในน้ำผลไม้ได้ดีเกิดเป็นตะกอบที่สามารถแยกออกมาได้จึงทำให้น้ำผลไม้ใสขึ้น น้ำผลไม้ที่ได้จะไม่สูญเสียกลิ่น รสชาติ และสามารถนำตะกอบที่เกิดขึ้นกลับมาใช้ได้อีก จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจในการนำน้ำผึ้งมาใช้ประโยชน์ในด้านนี้ซึ่งอาจจะช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประเภทน้ำผลไม้มีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิมได้

ติดต่อ คุณนันทนา ศรีพันธุ์ , คุณสอาด ศรีพันธุ์ (036) 639292 , 09-8041307
ข้อมูลจาก http://www.geocities.com/tatlobri/Lopburi/hed.html

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์




เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ ณ บ้านหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแม่น้ำป่าสักมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 13 ในจำนวน 25 ลุ่มน้ำของประเทศไทย เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 14,520 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะของลุ่มน้ำแคบเรียวยาว แหล่งต้นน้ำอยู่จังหวัดเลย ลำน้ำมีความยาว 513 กิโลเมตร ไหลผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี และมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยประมาณ 2,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ให้กรมชลประทานศึกษาความเหมาะสมของโครงการเขื่อนกักเก็บน้ำแม่น้ำป่าสักอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อประโยชน์ต่อพื้นที่เพาะปลูก และ บรรเทาปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นประจำในลุ่มน้ำป่าสัก เป็นผลสืบเนื่องมายังเขตกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑลด้วย ซึ่งนำความเดือนร้อนมาให้ราษฎร์เกือบทุกปี ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรัส เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมชลประทานว่า หากเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปัจจุบัน ก็สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และขาดแคลนน้ำให้กับประชาชนได้ จะต้องก่อสร้างเขื่อน 2 แห่ง ที่แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำนครนายก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 โครงการนี้ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2537 - 2542 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานนามเขื่อนนี้ว่า "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" อันหมายถึง "เขื่อนแม่น้ำป่าสักที่เก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ" เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้เริ่มเก็บกักน้ำครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบดีราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพิธี เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน แกนดินเหนียว ความยาวประมาณ 4,860 เมตร ระดับกักเก็บน้ำสูงสุดที่ +43.00 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ปริมาณกักเก็บน้ำ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีอาคารระบายน้ำ 3 แห่ง คือ


- อาคารระบายน้ำล้น ระบายน้ำได้สูงสุดวินาทีละ 3,900 ลูกบาศก์เมตร
- อาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิม ระบายน้ำได้สูงสุดวินาทีละ 80 ลูกบาศก์เมตร
- อาคารท่อระบายน้ำฉุกเฉิน ระบายน้ำได้สูงสุดวินาทีละ 65 ลูกบาศก์เมตร

การก่อสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 23,36 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้าง ด้านชลประทาน 7,831 ล้านบาท งบประมาณแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม 15,505 ล้านบาท โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ก่อสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และงานอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบเสร็จสมบูรณ์และ เพื่อเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติในวาระที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542

ประโยชน์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
- เป็นแหล่งน้ำเพื่อ อุปโภค ของชุมชนในเขตจังหวัด ลพบุรี - สระบุรี
- เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ชลประทานที่เกิดใหม่ในเขตจังหวัดลพบุรี-สระบุรี
- ช่วยป้องกันอุทกภัยในเขตพื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ในเขตจังหวัดลพบุรี-สระบุรี และ ช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลด้วย
- เป็นแหล่งเพาะพันธ์ปลา และเป็นแหล่งประมงน้ำจืดขนาดใหญ่
- เป็นแหล่งน้ำเสริม เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในเขตกรุงเทพฯ
- เป็นแหล่งท่องเที่ยว

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

กำหนดการศึกษาดูงาน 10-11 พ.ค.51

กำหนดการศึกษาดูงานจังหวัด ลพบุรี
ระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2551

----------------
วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2511


08.30 น. พร้อมกันที่ โรงแรมนนทบุรีพาเลซ จ.นนทบุรี
09.00 น. ออกเดินทางโดยรถบัส
11.30 น. ถึงลพบุรี เยี่ยมชม "ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง ลุงสะอาด"
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
14.00 น. ชมทัศนียภาพเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
16.30 น. เข้าที่พัก "ป่า น้ำ ฟ้า รีสอร์ท (น้าขวัญ)
18.00 น. รับประทานอาหารเย็น ณ สวนบ้านไร่ไทยเจริญ ดินแนแห่งความพอเพียง
และร่วมร้องเพลงกับ เดอะสตาร์คนใหม่
20.00 น. เข้าที่พัก

-----------------

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2551

06.00 น. ทำบุญตักบาตรที่ยอดเขาพระยาเดินธง และชมทัศนียภาพยามเช้าที่สวยงาม
ณ ยอดเขาพระยาเดินธง (สำหรับผู้ที่สนใจ..และหากมีกล้องส่องทางไกล
ควรนำติดตัวไปด้วย)
09.00 น. รับประทานอาหารเช้าณ ที่พัก
10.00 น. ชมวิธีการปลูกพืชตามนโยบาย เศรษฐกิจพอเพียง
11.00 น. ชมฟาร์มนกกระจอกเทศ ณ โอเอซิสฟาร์ม
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
14.30 น. ทำบุญไหว้พระ ณ วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี
16.00 น. เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมศึกษาดูงานท่านละ 1,000 บาท
โอนงินเข้าธนาคารกรุงไทย สาขาย่อย ประตูน้ำเซ็นเตอร์
ชื่อบัญชี นางพรทิพย์ เกียรตินิยมรุ่ง และ นายปธานิน คงสวัสดิ์
เลขที่บัญชี 046-0-03995-0

ก่อนเดินทางนะจ๊ะ!!!!<

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2551

จากสมาชิก



ถึงท่านคณาจารณ์

จากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาถึงวันที่ 10 เหตุการณ์เริ่มจะรุนแรง ...
หมาแมวเริ่มจะเมินหน้า..ปลาตายไปแล้วหลายตัว...
ต้นไม้เริ่มเหี่ยวตาย...นกเริ่มคอตก...
เพื่อนบ้านจำหน้ากันไม่ได้...บ้านเริ่มร้าง..
รปภ.ขอตรวจบัตรประชาชนก่อนผ่านเข้าหมู่บ้าน...น้ำ-ไฟถูกตัด(Internetเราด้วย)...
หนังสือพิมพ์เริ่มจะอ่านไม่เป็น...ผมไม่มีเวลาสระ...
เสื้อผ้าไม่มีเวลาซัก เริ่มเอาของเก่ามาใส่...อาหารในตู้เย็นเริมหมดอายุ...
ผักกลายเป็นจับฉ่ายโดยไม่ต้องผ่านความร้อน...พ่อบ้านเริ่มเป็นแม่บ้าน...
ลูกน้องกลายเป็นเจ้าของกิจการ...พยาธิเริ่มไม่รู้จักอาหารนอกโรงแรม...
ภารกิจห้องน้ำเริ่มให้เพื่อนทำแทน..เหตุการณ์จราจลหน้าโรงแรมกำลังจะเกิดขึ้น...
อาจารย์กับศิษย์จะเกิดศึกชิงห้องพัก...การนั่งสัมมนาจะกลายเป็นนอนสัมมนา...
ที่บ้านเริ่มจะตัดออกจากกองมรดก...ยังมีต่ออีก(ถ้ามีเวลาเขียน)...

นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อยๆบางตอนที่สมาชิกที่เข้าร่วมอบรมสัมมนา NEC นนทบุรี
ระหว่างวันที่ 19-2 เมย.51 เขียนจดหมายน้อยระบายความในใจถึงเหตุการณ์ระหว่างการอบรม

วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2551

พบกันที่ลพบุรี


ขอเชิญชาว NEC 3/2551 ศรีนนท์ by ACDA รุ่นที่10
ประชุมสัมมนา ณ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในวันที่ 10-11 พ.ค. 2551
เพื่อดูงานเกี่ยวกับ SMEs และการประกอบการด้านการเกษตร การทำรีสอร์ทที่พักแบบเศรษฐกิจพอเพียง(น้าขวัญ)
และฟาร์มนก(???ของพี่สนุก)กระจอกเทศ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร OASIS
พร้อมรายการพิเศษเพื่อชาวศรีนนท์โดยเฉพาะ(ตรงนี้ขออุบไว้ก่อน)
สนใจร่วมเป็นเพื่อนเดินทาง ติดต่อคุณหมู สุรพล วัฒนาศรี 084-399-9396

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2551

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

สัมมนา NEC 3/51 19-2 เมย.51 นนทบุรี


สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาว NEC3/51 นนท์

เป็นไงกันบ้างหลังจากได้เข้ารับการอบรมที่ผ่านมา เริ่มดำเนินธุรกิจไปถึงไหนกันบ้างแล้ว ส่วนสว.เองยังไม่ได้เริ่มธุรกิจตัวที่ทำแผนเอาไว้เลย เพราะยังยุ่งๆอยู่กับเรื่องทางญาติผู้ใหญ่นิดหน่อย หน้าร้อนนี้ ทำไมผู้สูงอายุถึงได้เจ็บป่วยกันเยอะจัง ไม่รู้ว่าอากาศร้อนๆจะมีผลกับอารมณ์ หรือความเครียดหรือเปล่า เลยทำให้ผู้สูงอายุ(อย่างเราๆท่านๆ)พาลป่วยเอาง่ายๆ

วันนี้พอมีเวลานิดหน่อยเลยลองทำWebsite ของชาว NEC 3/51 เอาไว้ post ติดต่อกัน เผื่อวันว่างมีเวลาเล่น Internet จะได้เข้ามาคุยกันบ้าง ..นะ

ก่อนอื่นวันนี้ขอเอารูปที่ถ่ายไว้ตอนสัมมนา19-2 เมย.51 มาลงให้เพื่อนได้ระลึกถึงความหลังครั้งเก่า(ที่บางคนไม่อยากจะจำสักเท่าไหร่)มาให้ดูก่อนหนังสือทำเนียบจะออกแล้วกันนิ!!คงไม่ว่ากัน

สว.คนดี